ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ
(Economic Data)
เศรษฐกิจเลบานอนเป็นเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็ก โดยเน้นหนักด้านธุรกิจบริการ แต่เกษตรกรรมยัง คงเป็นแหล่งการจ้างงานหลักของประเทศ แต่มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ อุตสาหกรรมป่าไม้ โดยเฉพาะไม้ซีดาร์ ซึ่งเคยเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ส่าคัญ ได้ถูกตัดท่าลายไปแล้วจ่านวน มาก โดยปัจจุบันนี้ อุตสาหกรรมพื้นฐานที่ส่าคัญได้แก่ ปูนซีเมนต์ โดยภาคอุตสาหกรรมของเลบานอนมีสัดส่วน เพียงประมาณร้อยละ 20 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ เพราะอุปสงค์ภาย ในประเทศมีน้อย แต่ ต้องการสินค้าน่าเข้ามากกว่า สินค้าส่งออกที่ส่าคัญของประเทศได้แก่ อาหารแปรรูปและอัญมณี โดยธุรกิจอัญ มณีมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีในช่วงที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจบริการนั้น ในปี 2550มีสัดส่วนสูงถึง 3 ใน 4 ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ โดยเมืองหลวงเบ รุตเป็นจุดศูนย์กลางที่ส่าคัญด้านการธนาคาร นอกจากนั้น เลบานอนยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ส่าคัญของนักท่องเที่ยวระดับบนจากรัฐอาหรับริมอ่าว แต่สงครามกลางเมือง และปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองยังเป็นอุปสรรคที่ส่าคัญต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม
รัฐบาลเลบานอนหลาย ยุคหลายสมัยต้องประสบปัญหาการใช้จ่ายภาครัฐที่ขาดดุล เนื่องจาก สงครามกลางเมืองที่ยาวนานกว่า 25 ปี และรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพและขาดความสามารถในการควบคุมการ ใช้จ่ายก่อให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะที่สะสมอย่างมาก อย่างไรก็ดี ภายหลังสงครามสงบลงเมื่อปี 2533 รัฐบาล เลบานอนได้พยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านการขับเคลื่อนนโยบายด้านการท่องเที่ยว การเกษตร และการเงินการ ธนาคาร (การลงทุนจากประเทศรัฐริมอ่าว ) เศรษฐกิจเลบานอนก็เติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2549 หลักทรัพย์ 2. ข้อมูลด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 3. ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ธนาคารมีมูลค่าสูงถึง 75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่ารวมตลาดทุน (Market capitalization) สูงถึง 10.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ประสบภาวะชะงักงันเนื่องจากสงครามกับอิสราเอลเมื่อปี 2549 และปัญหาวิกฤต การเมืองปี 2550-2551
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2550 รัฐบาลของนายฟูอาด ซันยูรา (Fuad Siniora) ได้อนุมัติแผนปฏิรูป เศรษฐกิจซึ่งรวมถึงการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax - VAT) ปฏิรูประบบภาษีและแปรรูประบบ มือ ถือ แต่ได้รับการประท้วงจาก General Labour Confederation (GLC) สมาพันธ์แรงงาน ซึ่งได้รับการ สนับสนุนของพรรคฝ่ายค้าน อาทิ พรรค Hizbullah พรรค Amal Movement พรรค Free Patriotic Movement และพรรค Syrian Social National Party โดยอ้างว่าแผนปฏิรูปดังกล่าว โดยเฉพาะการแปรรูป ระบบโทรคมนาคมเป็นองค์กรเอกชน จะส่งผลประทบต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยได้มีการประท้วงใหญ่ ทั่วประเทศช่วงเดือนมกราคม 2550 เพื่อกดดันให้รัฐบาลของนายซันยูราลาออกและจัดตั้งรัฐบาลใหม่เป็นผลให้ มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตจ่านวนมาก
ภายหลังสงครามระหว่างกลุ่ม Hizbullah และอิสราเอลเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2549 รัฐบาล เลบานอนได้เร่งรุดการฟื้นฟูระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคภายในประเทศ โดยความร่วมมือและ ช่วยเหลือของประชาคมโลก โดยฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Paris III (Donors Conference) โดยมี ผู้แทนจาก 36 ประเทศ รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมกว่า 14 องค์กร เพื่อระดมความช่วยเหลือในการ บูรณะฟื้นฟูเลบานอน โดยมียอดเงินบริจาคในรูปแบบต่างๆ สูงถึงกว่า 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีผู้บริจาค รายใหญ่ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งยุโรป (European Bank for Investment) (1.25 พันล้านดอลลาร์ สหรัฐ) ตามด้วย ซาอุดีฯ ซึ่งเป็นประเทศผู้บริจาคสูงสุด (1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ทรัพยากร limestone, แร่เหล็ก เกลือ น้่า ที่ดินเพาะปลูก
อุตสาหกรรมหลัก การธนาคาร การท่องเที่ยว การผลิตอาหาร ไวน์ อัญมณีปูนซีเมนต์ สิ่งทอ แร่และเคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ไม้เฟอร์นิเจอร์
สินค้านำเข้าสำคัญ ปิโตรเลียม รถยนต์ เวชภัณฑ์ เนื้อสัตว์และสัตว์ สินค้าอุปโภคบริโภค กระดาษ เส้นใยผ้า ยาสูบ เครื่องจักรไฟฟ้าและอุปกรณ์ สารเคมีต่างๆ
ประเทศนำเข้าสำคัญ สหรัฐฯ อิตาลี จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี ตุรกี กรีซ
สินค้าส่งออกสำคัญ อัญมณี แร่โลหะ สารเคมี สินค้าอุปโภคบริโภค ผักและผลไม้ ยาสูบ วัสดุก่อสร้าง เส้นใยผ้า กระดาษ เครื่องจักรไฟฟ้า อุปกรณ์ และเครื่องตัดต่อกระแสไฟฟ้า